ในยุคนี้หลายคนคงคุ้นเคยและชินหูกับคําว่า “คอลลาเจน” (Collagen) ไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบของผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เครื่องดื่ม หรือแม้กระทั่งขนมขบเคี้ยว ยกตัวอย่างเช่น น้ำผลไม้ผสมคอลลาเจน ลูกอมผสมคอลลาเจน หรือเยลลี่ผสมคอลลาเจน เป็นต้น
คอลลาเจน คือโปรตีนที่ร่างกายมนุษย์ทุกคนสามารถสร้างขึ้นเองได้ตามธรรมชาติ ทําหน้าที่เพิ่มความแข็งแรงและเพิ่มความยืดหยุ่นให้แก่อวัยวะต่างๆ ภายในร่างกาย โดยเฉพาะในกระดูก หลอดเลือด ข้อกระดูก กระดูกอ่อน เส้นเอ็น รวมถึงผิวหนัง โดยร่างกายจะสามารถผลิตคอลลาเจนได้มากในขณะที่เรามีอายุน้อย และจะลดปริมาณการผลิตคอลลาเจนลงเมื่ออายุมากขึ้นนั่นเอง
จากการศึกษาของ University of Tuebingen ประเทศเยอรมนี ในประชากรที่มีภาวะข้อเสื่อมจํานวน 2,000 คน พบว่าผู้ที่มีปัญหาจากโรคข้อเสื่อมที่ได้รับคอลลาเจน (Collagen Hydrolysate) ในปริมาณ 5 กรัมต่อวัน ติดต่อกันเป็นระยะเวลา 3 เดือน พบว่าคอลลาเจนสามารถช่วยลดการอักเสบและอาการเจ็บปวด จากการเคลื่อนไหวในบริเวณเซลล์กระดูกอ่อนได้
ผลงานวิจัยของสถาบันผิวหนังประเทศญี่ปุ่น ในผู้หญิงอายุระหว่าง 35-55 ปี จํานวน 47 คน โดยให้รับประทานคอลลาเจนในลักษณะเครื่องดื่มปริมาณ 10 กรัมต่อวัน เป็นระยะเวลา 3 เดือน พบว่าผิวหนังมีความยืดหยุ่นมากขึ้น ริ้วรอยลดเรือนลง แผลเป็นดูจางลงและมีความชุ่มชื้นเพิ่มมากขึ้น
โดยทั่วไปแล้ว เรายังสามารถพบคอลลาเจนได้ในอาหารจําพวก ปลาทะเล เนื้อสัตว์ต่างๆ ถั่วหลากสี พืชผักใบเขียว เห็ดชนิดต่างๆ ผักผลไม้สีแดงส้ม เอ็นหมู เอ็นวัว และกระดูกอ่อน ฯลฯ
ปัจจุบันยังมีคอลลาเจนในรูปแบบผลิตภัณฑ์อาหารเสริมจํานวนหลากหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นชนิดเม็ดชนิดผงละลายน้ำ ชนิดน้ำบรรจุขวด รวมถึงประเภทที่ผสมอยู่ในอาหารและเครื่องดื่มนานาชนิด
ทั้งนี้ปริมาณของคอลลาเจนที่ผสมอยู่ในผลิตภัณฑ์แต่ละชนิด ก็จะมีปริมาณแตกต่างกันออกไป เราจึงควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการยอมรับจากสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และหากต้องเลือกประเภทของคอลลาเจนในรูปแบบผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร แต่ยังคงไม่แน่ใจในเรื่องของปริมาณการรับประทาน ความปลอดภัยและความเหมาะสม ควรปรึกษาแพทย์หรือนักกําหนดอาหารที่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญ เพื่อการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมและไม่ก่อให้เกิดอันตรายแก่ร่างกาย เนื่องจากคอลลาเจนนั้นเป็นสารสกัดที่ได้มาจากพืชและสัตว์ ซึ่งอาจก่อให้เกิดการแพ้และในบางรายอาจมีอาการรุนแรงจนถึงแก่ชีวิตได้